รีวิว RAZER BLACKWIDOW ELITE

รีวิว RAZER BLACKWIDOW ELITE

Razer Blackwidow Elite เปิดตัว มาด้วยการยกระกับการดีไซน์การออกแบบทั้งหมด จริงๆก็ยังมีกลื่นอายรุ่นเก่ามาบ้างครับแต่เมื่อมองดีๆจะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงพอสมควรเลย คีย์แคป ยกลอยเหนือบอร์ดี้และพอร์ท USB และรูแจ็คอะนาล็อคสำหรับหูฟัง / ไมโครโฟนแบบ 3.5mm และ ยังที่รองข้อมือหุ้มหนังนุ่มแถมฟรีภายในแพ็คเกจรวมถึงตัว

ควบคุมเพลงทางด้านขวามือด้านบน และ ไฟ รวมถึงปุ่มแมคคานิคอลรุ่นปรับปรุงใหม่จาก Razer ที่มี เขียว ส้ม เหลือง อีกทั้งยังมี ผนังแป้นแบบคู่ ช่วยในการกดได้ดีขึ้น และเป็นครั้งแรกที่มี หน่วยความจำบนบอร์ดและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ ทั้งคู่ทำให้สามารถเรียกใช้งานได้ในทุกๆที่ครับผม

UNBOX

ตัวกล่องตัวนี้มาพร้อมกับขนาดใหญ่พอสมควร บอกชื่อรุ่นมีรูปอะไรบนหน้ากล่องเรียบร้อยครับ พร้อมกับช่องเว้นไว้ให้ลองกดได้เลย เมื่อเปิดกล่องมานั้นก็จะเจอคียบอร์ดวางนอนอยู่และมีพลาสติกใสแข็งครอบทับกันฝุ่นมาให้ครับ

1.ตัวคียบอร์ด

2.คู่มือ สติกเกอร์

3.แผ่นวางมือ แบบนุ่ม

DESIGN

ทางด้านการออกแบบนั้นต้องบอกครับว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกือบทุกจุดทั้งวัสดุที่ดีขึ้นเลือกใช้ระดับพรีเมียมเป็นโลหะเกรดเดียวกับที่ใช้ในการทหาร คียบอร์ดเป็นแบบ Full-Size รองรับการตั้งค่า Macro Mode, Gaming Mode และปุ่มควบคุมมัลติมีเดีย และไฟ Razer Chroma RGB 16.8 ล้านสี และยัง รวมไปถึงการบันทึกการตั้งค่าเอาไว้ในเมมโมรี่ภายในตัวเพื่อความสะดวกเวลาต้องพกพาครับ ไม่ต้องหาไดรเวอร์ลงอะไรเลย ตัวปุ่มควบคุมก็มีการออกแบบใหม่ในด้านการควบคุมเสียง การจัดวางปุ่มทั้งหมดแตกต่างชัดเจน และดูดีขึ้นมากครับ และใช้สวิทช์แบบใหม่ด้วย

มาดูกันที่ด้านหน้าโดยรวมกันก่อนเลยครับตัวคียบอร์ดมาแบบ Full Size ปกติมีปุ่มเพียงพอต่อการใช้งานและมีปุ่มควบคุมเพลงไว้ในด้านขวาบน ซึ่งเป็นจุดที่ทำออกมาได้ดีและไม่มีในรุ่นก่อนๆครับ อีกทั้งยังมาพร้อม แผ่นรองมือนิ่มๆเวลาใช้งานด้วยแค่แปะลงไปแบบแม่เหล็กมันก็จะดูดลงไปเลยครับ ค่อนข้างสบายเลยแหละในการใช้งานจริงๆ

มากับที่ตัวปุ่มที่เป็นจุดที่แตกต่างกันแบบชัดๆกับรุ่นก่อนหน้าครับเป็นการเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน มากกว่ารุ่นก่อนๆครับและตัวปรับเสียงเป็นแบบวงแหวนหมุนได้จากทางด้านข้างและด้านบนออกแบบมาได้ดีมาก และกด Muted ได้ด้วยและไฟตรงวงแหวนนั้นจะเป็นเป็นสีแดงครับ ส่วนปุ่ม ทั้ง 3 ปุ่มย่อยก็ใช้งานได้สะดวกเหมือนกัน ส่วนไฟสถานะต่างๆนั้นได้ถูกย้ายมาเหนือลูกศรทั้ง 4 ปุ่มครับจะเป็นไฟสถานะสีขาว แต่แอบมองอักษรยากไปนิดครับผม เริ่มจากจุดแรกคือ Capslock / Numlock /Scroll lock/ ตั้งมาโคร จะเป็นสีแดง / รวมถึงอันสุดท้าย Gaming Mode

ด้านข้างทั้ง 2 ข้างจะดีหน่อยตรงที่มีช่อง USB 2.0 และ 3.5มม. มาให้ในการใช้งานเสียบหูฟังหรือเมาส์ หรือะไรก็ได้ครับไม่ต้องไปเสียบในตัวเคสด้านหลังถือว่าช่วยในการใช้งานได้ค่อนข้างดีเลยแหละ แต่ในรุ่นต่อไปขอ Type-C มาอีก 1ช่องนะจะลงตัวมาก และ ในด้านขวานั้นเป็นที่หมุนปรับเสียง ครับสัมผัสใช้งานได้ค่อนข้างดี และใครตาดีเห็นว่ามันเหมือนมีรูอยู่ตรงท้างด้านล่างทั้ง 2 ข้างนั้นเป็นช่อง ร้อยสายไฟหลักออกนะครับถ้าไม่อยากเอาออกด้านหลัง

มาที่ด้านหลังตัวนี้แน่นอนว่ามันจะมีรูสำหรับล็อคสายไว้ถ้าใครจะเอาออกด้านหลังแต่ถ้าใครไม่เอาออกตรงด้านหลังก็จะร้อยไปด้านข้าง 2 ข้างตามภาพก่อนหน้านี้ครับ ก็ช่วยในการเก็บระเบียบของสายไฟได้อย่างดีเลย ส่วนหัวสายที่ออกไปนั้นจะเป็นเส้นใหญ่หนาแข็งแรงมากๆ และออกเป็น 3 หัวคือ USB X2 และ สาย 3.5มม. นั้นเองครับผม

มาต่อกันที่ด้านท้ายของตัวคียบอร์ดนั้น จะเห็นว่ามียางรองมาให้ 5 จุดหลักๆถ้าเรากางขาขั้นสุดแบบในภาพนะครับตรงขาก็มียางรองเช่นเดียวกัน ช่วยได้ในเวลาใช้งานจะค่อนข้างมั่นคง แต่ถ้าอยากแน่นๆก็พับขาลงไปได้ การร้อยสายออกอย่างภาพแรกนั้นจะเป็นการเอาสายออกตรงๆแต่ถ้าอยากเอาไปด้านข้างก็ทำตามภาพที่ 2 เก็บงานได้เนียนเลยทีเดียวส่วนขาตั้งนั้นมีขา ยกระดับย่อย 2 ชิ้นด้วยกันสามารถปรับระดับได้ค่อนข้างละเอียดครับว่ายกมากแค่ไหน

มากันที่จุดขายสำคัญอีกอย่างคือตัวของ Green Switch (Blue Cherry MX Switch) จากทาง Razer ครับ
ที่มีจุดเด่นคือมันจะเป็นแบบ Clicky กับ Tactile เป็นสวิทช์ที่มีการกดแบบ 2 จังหวะกดลงไป แน่นอนว่าเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบคีย์บอร์ดที่กดแล้วมีเสียงดังคลิ๊กๆ เสียงลั่นๆดังๆ แน่นอนว่าสะใจแน่ๆ ตัวนี้จะมีแรงกดที่ 50 กรัม และสามารถกดได้ถึง 80 ล้านครั้งจากที่ทาง Razer เครมกันมานะครับ และตัวสวิทช์นั้นจะเห็นได้ว่ามี กำแพงทั้ง 2 ข้าง ทำให้รักษาสมดุลได้ดีกว่าแบบเดิมเวลากดลงไป และ ตัวไฟนั้นก็มีความสว่างและใหญ่แสงสีสวยชัดเจนเลย ระยะการกด หรือน้ำหนักโดยส่วนตัวแอดมินค่อนข้างชอบมากกว่ารุ่นอื่นๆที่ได้ลองมานะครับและเสียงมันดังสะใจเลย